พาทัวร์ชมเมืองลากับคาสิโนในอดีต เคยเป็นลาสเวกัสแห่งพม่า
สำหรับวงการนักพนันอาจจะรู้จักคุ้นเคยกับเมืองลาของพม่ากันเป็นอย่างดีหรือเปล่า ครั้งหนึ่งในอดีตเมืองลาเคยถูกยกระดับเทียบชั้นกับเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ในฐานะเมืองแห่ง คาสิโน ที่รุ่งเรืองจนถึงขีดสุด แต่ในตอนนี้คาสิโนในเมืองลากลับซบเซาและเงียบหาย ทยอยปิดตัวลงเรื่อย ๆ จนแทบไม่เหลือเค้าเดิมของความครึกครื้นของย่านกลางคืนในอดีต รวมถึงชื่อเสียงที่เบาบางลงไป จนถูกกระแสของปอยเปตในกัมพูชาตีขึ้นมาแทนที่
เกิดอะไรขึ้นกับคาสิโนในเมืองลา ทำไมอยู่ดี ๆ เมืองที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นลาสเวกัสของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงได้ถูกลดทอนบทบาทลงก่อนจะเกิดวิกฤตโควิด-19 เสียอีก เรามาดูกัน
รู้จักกับเมืองลากันสักเล็กน้อย
เมืองลา หรือเมิ้งลา (Mongla) ในภาษาพม่า อาจเพี้ยนเป็นเมืองหล้า เมืองล้า เมิงล่าได้ตามสำเนียงของผู้พูดว่าเป็นคนชนชาติอะไร เมืองลาคือเขตปกครองพิเศษที่ 4 ของประเทศพม่า ใช้ภาษาจีนกลางและสกุลเงินหยวน อยู่ติดกับมณฑลยูนนานของจีน และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายของไทย ประชาชนในเมืองลามีประมาณสองแสนคน มีเชื้อสายหลากหลาย ทั้งชาวพม่า ชาวจีน ชาวเวียดนาม ชาวไทใหญ่ ไทลื้อ อาข่า ฯลฯ ไม่มีกองกำลัง ทหาร หรือตำรวจ มีกฎหมายพิเศษเป็นของตนเอง ปัจจุบันก็ยังมีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าอยู่ บ่อนคาสิโน สถานบันเทิง หรือการค้าสัตว์ป่าจึงไม่เป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ก่อนจะมาก่อกำเนิดเป็นเมืองลา
เดิมทีเมืองลาเคยเป็นเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า มีวิถีชีวิตแบบชนชาติไทลื้อทั่วไปและไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก มีเพียงติดต่อกับชาวไทลื้อด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว อาชีพหลักคือการค้าขายฝิ่นที่ปลูกเอง และอาวุธ ในช่วงที่ทหารพม่าทำการต่อสู้กับรัฐบาล
จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของรัฐบาลนายพลขิ่นยุนต์ เนื่องจากต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศและความเชื่อมั่นจากนานาชาติ จึงได้ทำการปราบปรามการปลูกฝิ่นภายในประเทศ แต่ในสมัยนั้นเมืองลาได้รับการขนานนามว่าเมืองที่เข้าไม่ถึง และค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องเมืองที่น่าจะอันตรายที่สุดในพม่า (อาจเพราะทั้งค้าฝิ่น ทั้งค้าอาวุธ หากดูด้วยบริบทของคนสมัยนี้ก็ดูเหมือนซ่องโจรดี ๆ นั่นเอง) ทำให้ไม่มีทหารคนไหนในพม่าอยากที่จะมีเรื่องด้วย จนเกิดประกาศว่าหากใครจัดการปัญหาในเมืองลาได้ก็จะมอบการบริหารปกครองเมืองลาให้
ในปี 1989 นายอูซายลิน ลูกครึ่งจีนไทยใหญ่จึงเป็นผู้กล้าที่ออกมาปราบปรามฝิ่นในเมืองลาได้จนสิ้นซาก นอกจากจะได้รับเหรียญยกย่องแล้ว ก็ได้รับเมืองลามาอยู่ใต้การปกครองในฐานะเขตปกครองพิเศษตามที่รัฐบาลพม่าว่า บริหารปกครองได้ตามใจและสามารถมีกองกำลังของตัวเองได้ ส่วนทหารพม่าไม่มีสิทธิมายุ่งเกี่ยวกับการบริหารปกครองใด ๆ
เพราะเหตุนั้นทำให้เมืองลาได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากเดิมเป็นอันมาก และมีนายทุนจากจีนเข้ามาในเมืองลาจำนวนมาก ทั้งสอนทำการเกษตรและลงทุนทุกอย่างในเมืองลา ชาวบ้านในเมืองลาก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการค้าขาย แลกเปลี่ยนกับการดูแลพืชสวนไร่นาแล้วทำการเก็บเกี่ยวส่งไปให้ทางเมืองจีน แต่นอกเหนือจากการเกษตรแล้ว นักลงทุนจากจีนก็ได้นำสถานบันเทิงทั้งคาสิโน การค้าประเวณีมาให้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่เขตปกครองของจีน การมีสถานคาสิโนและย่านเริงรมย์จึงไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย
ในปัจจุบันเมืองลาก็ได้รับอิทธิพลจากจีนมาเป็นส่วนใหญ่ จนเงินแลกเปลี่ยนและภาษาที่ใช้เป็นภาษาจีน เพราะต้องทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับจีนอยู่บ่อยครั้ง โครงสร้างบ้านเมืองก็มีความคล้ายจีน ยกเว้นแต่เพียงกฎหมายเท่านั้นที่ยังไม่ได้ใช้ของจีน และทุกวันนี้คนเมืองลาก็ค้าขายประกอบอาชีพได้ทุกอย่าง ยกเว้นแค่การค้าฝิ่นกับอาวุธเท่านั้น
เมืองลากับสถานะของคาสิโน
ช่วงปีค.ศ. 1990 – 2000 เมืองลานั้นเจริญรุ่งเรืองและโด่งดังในทางด้านนี้อย่างถึงขีดสุด มีทั้งบ่อน คาสิโน คลับกลางคืน ย่านเริงรมย์โคมแดง เคยมีสถิติว่าได้นำเข้าเบียร์จากประเทศไทยเราวันละ 1,000 ลังเป็นอย่างต่ำ ดึงดูดทั้งนักลงทุนในธุรกิจคาสิโน นักท่องเที่ยวและนักการพนันจากจีนได้อย่างมหาศาล รัฐบาลจีนยังเคยได้ค้นพบว่ามีข้าราชการจากจีนนำเงินไปเล่นคาสิโนเมืองลาซึ่งมีกว่า 80 แห่ง จนสูญเงินไปร่วม 5 หมื่นล้านหยวน (ราว 2 แสน 5 หมื่นล้านบาทตามค่าเงินในขณะนั้น)
แต่เพราะเหตุนั้นทำให้ทางการจีนต้องเคร่งครัดมากขึ้น โดยได้เริ่มเรียกข้าราชการและชาวจีนจากเมืองลานับหมื่นคนให้กลับประเทศในปี 2003 ทำให้ธุรกิจคาสิโนเริ่มคลอนแคลน ไม่เพียงเท่านั้น อีก 3 ปีต่อมารัฐบาลจีนยังเห็นว่ามีบางคนยังไม่ยอมกลับ รวมถึงแอบลักลอบเข้าไปเล่นอยู่ดี จึงมีคำสั่งให้ปิดชายแดนที่ติดต่อกับเมืองลาตลอดแนว รวมทั้งปิดสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เล่นระบบออนไลน์ได้อีกด้วย ปัจจุบันก็ยังคงมีนโยบายห้ามเข้ามานอนค้างในเมืองลา ห้ามไม่ให้พกเงินสดติดตัวข้ามฝั่งเกิน 5,000 หยวน (สองหมื่นกว่าบาท)
หลังจากที่ทางการจีนได้เอาจริงเอาจังกับการกวาดล้างนักพนันชาวจีนในเมืองลาแล้ว ทำให้บ่อนคาสิโนในเมืองลาซบเซาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหล่านักลงทุนเจ้าของคาสิโนทั้งหลายแม้จะไม่โดนเอาผิดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ทำมาหากินในเมืองลาไม่ได้อีกต่อไป เมื่อไม่มีนักพนัน คาสิโนที่ไหนจะเปิดได้ บ่อนคาสิโนใหญ่ ๆ ในเมืองลาจึงทำทยอยปิดตัวลงแล้วย้ายไปปักหลักแถวเมืองท่าขี้เหล็กแทน
เมื่อความครึกครื้นของคาสิโนลดลง อย่างอื่นก็พลอยโดนผลกระทบไปตาม ๆ กัน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ผับบาร์ สถานเริงรมย์ต่าง ๆ ก็ทยอยปิดกิจการลงไปทีละแห่ง ทำให้เมืองลาต้องเปลี่ยนมาเป็นค้าสัตว์ป่า และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์กับวัดวาอารามต่าง ๆ แทน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบ่อนเล็กบ่อนน้อยโดยเจ้าของชาวเมืองลาที่ยังคงมีเปิดให้บริการอยู่บ้างประปราย
ล่าสุดในปีค.ศ. 2010 เมืองลาได้ทำการเปิดบ่อนคาสิโนขึ้นใหม่อีกครั้ง แม้ว่าจะถูกกดดันโดยรัฐบาลจีนเพราะเป็นห่วงว่าจะมีชาวจีนแอบเข้าไปเล่นการพนันอีกก็ตาม ซึ่งเหตุผลของเมืองลาก็คือต้องการสร้างรายได้และกระตุ้นการท่องเที่ยวเหมือนในอดีตนั่นเอง
แต่ ณ ตอนนี้ที่เขียนบทความอยู่ เมืองลาก็ถูกห้ามนักท่องเที่ยวเข้าผ่านทางอำเภอแม่สายโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสร้างรายได้ในเมืองลา เนื่องจากรัฐบาลพม่ากำลังข้อขัดแย้งอยู่กับกองกำลังเมืองลา หรือ NDAA แต่ยังสามารถอ้อมผ่านทางเมืองอื่น ๆ ของพม่าได้ เผื่อมีนักท่องเที่ยวหรือนักการพนันคนไหนอยากแวะไปชมเมืองลากัน