ก่อนที่เราจะไปรู้จักวิธีการเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์อย่างละเอียด เรามาทำความรู้จักเกมส์ไพ่แบล็คแจ็คให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่าครับ แบล็คแจ็คนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเกมส์ไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคาสิโนแถบทวีปยุโรป มีบันทึกว่าได้ถือกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1601 ด้วยการเล่นที่มีชื่อว่า vingt-et-un ความหมายในภาษาไทย คือ 20 และ 1 หรือ 21 นั่นเอง เป็นการเล่นไพ่ที่มีกติกาเข้าใจง่าย คือ หากใครมีไพ่แต้มใกล้เคียง 21 แต้มมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ และเมื่อเวลาผ่านไปได้มีการพัฒนารูปแบบการเล่นให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น จึงกลายเป็นวิธีการเล่นแบล็คแจ็คในที่สุด

กติกาในการเล่นแบล็คแจ็คพื้นฐาน

แบล็คแจ็คเป็นเกมส์ไพ่ที่มีกติกาเข้าใจง่าย โดยไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบล็คแจ็คที่บ่อนคาสิโน หรือ เล่นแบล็คแจ็คในเว็บคาสิโนออนไลน์ต่าง ๆ ล้วนมีกติกาที่เหมือนกัน แต่อาจแตกต่างกันเพียงการเดิมพันที่จะต้องใช้เทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งกติกาการเล่นจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

การอ่านแต้มบนไพ่ในการเล่นแบล็คแจ็ค

สำหรับการอ่านแต้มบนไพ่ของการเล่นแบล็คแจ็คนั้น เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะพอรู้กันมาบ้างแล้ว เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับว่าจะมีการนับแต้มแตกต่างจากเกมส์ไพ่อื่น ๆ หรือไม่

• ไพ่ที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ J Q K จะมีค่าเท่ากับ 10 แต้ม
• ไพ่ที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ A จะมีค่าเท่ากับ 1 แต้ม แต่ในกรณีที่ไพ่ A คู่กับไพ่ 10 J Q K จะมีค่าเท่ากับ 11 แต้ม 
• ไพ่ที่เป็นตัวเลขตั้งแต่ 2 – 10 จะมีค่าเท่ากับ ตัวเลขหน้าไพ่นั้น ๆ 
• แต้มของไพ่ที่รวมกันแล้วมีค่าเท่ากับ 21 คือ ไพ่แบล็คแจ็ค

กฎการแยกไพ่และทางเลือกเมื่อออกไพ่คู่

ในการแยกไพ่ของการเล่นแบล็คแจ็ค คือ หากผู้เล่นได้ไพ่คู่ AA หรือ 88 ดีลเลอร์จะมีการเรียกเก็บเงินเดิมพันเพิ่มเติม และแบ่งไพ่ออกเป็น 2 ชุด หรือ สองขา โดยในเกมส์แบล็คแจ็คออนไลน์ระบบจะทำการตัดเงินอัตโนมัติให้ทันที แต่ถ้าเงินของผู้เล่นไม่พอระบบจะทำการหมอบให้อัตโนมัติเช่นกัน จุดเด่นของการแยกไพ่คือหากผู้เล่นได้ 88 จะมีสิทธิ์เรียกไพ่ได้ไม่จำกัด 

ส่วนกรณีที่ไพ่ออกเป็นคู่ดังต่อไปนี้ คือ  JJ, QQ, KK, AA, 22, 33, 44, 55, 66, 77, 88, 99  และ 1010 ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นดอกเดียวกัน ผู้เล่นจะมีทางเลือกในการเรียกไพ่เพิ่มหรืออยู่ก็ได้

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแบล็คแจ็ค

• BlackJack คือ ไพ่จำนวน 2 ใบแรกที่มีผลรวมเท่ากับ 21 แต้มพอดี ได้แก่ไพ่ A10, AK, AQ และ AJ
• Stand คือ การที่ผู้เล่นอยู่นิ่ง หรือ หยุดจั่วไพ่ เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นมั่นใจแล้วว่าไม่ต้องการจั่วไพ่เพิ่ม และมองว่าแต้มไพ่ที่มีอยู่มีโอกาสมากกว่าการเสี่ยงจั่วไพ่เพิ่ม เพราะอาจได้ผลรวมเกิน 21 แต้ม
• Hit คือ การเรียกจั่วไพ่เพิ่ม เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นต้องการให้ผลรวมใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากที่สุด
• Double Down คือ การลงวางเดิมพันเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นคิดว่า ไพ่ใบที่ 3 ที่จะจั่วนั้นสามารถทำให้ชนะได้ทันที ถ้าแต้มมากกว่าดีลเลอร์และไม่เกิน 21 แต้ม จะถือว่าเป็นผู้ชนะ
• Insurance คือ การทำประกันเดิมพันในกรณีที่ไพ่ออก แบล็คแจ็ค เช่น หากดีลเลอร์ได้ไพ่ใบแรกเป็น A ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะทำประกันหรือไม่ โดยวางเดิมพันเป็น 50% ของเงินเดิมพัน ถ้าดีลเลอร์ไม่ได้แบล็คแจ็ค เงินที่วางประกันจะศูนย์เปล่า แต่ถ้าดีลเลอร์ได้ แบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะชนะ ด้วยอัตราจ่าย 2:1 นั่นเอง
• Split คือ การที่ผู้เล่นของเพิ่มจำนวนกองไพ่ และแยกไพ่ออกเป็น 2 ชุด เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นได้ไพ่คู่แรกเป็น AA หรือ 88 ถ้าต้องการแยกไพ่ผู้เล่นจะต้องเพิ่มเงินเดิมพัน และเล่นไพ่ 2 ชุดนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ทั้งหมดที่ SA365 เราได้นำเสนอในบทความนี้ หากเพื่อน ๆ ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมด แล้วสนใจอยากลองเล่นแบล็คแจ็คดูบ้าง เราแนะนำว่าอย่าเพิ่งใจร้อนรีบเล่นจนเกินไปนะครับ เพราะว่ายังมีเทคนิคต่าง ๆ มากมาย ที่ควรศึกษาทำความเข้าใจให้มากขึ้นกว่านี้ครับ เพื่อน ๆ สามารถติดตามบทความเกี่ยวกับการเล่นแบล็คแจ็คและเกมส์พนันอื่น ๆ ได้ที่เว็บไซต์ SA365 หรือ ถ้าต้องการทดลองเล่นเกมส์คาสิโนออนไลน์ฟรี (คลิกที่นี่ได้เลยครับ)